วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ทักษะพื้นฐานการเล่นตะกร้อ




การรับการชงลูกตะกร้อ

การเสิร์ฟตะกร้อ

ประวัติกีฬาเซปักตะกร้อ

 ประวัติกีฬาตะกร้อไทย

        
        ประวัติตะกร้อ สามารถอ้างอิงกีฬาชนิดนี้ได้จากภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1785 ซึ่งภาพศิลปะเรื่องรามเกียรติ์ มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ เป็นภาพ หนุมานกำลังเล่นเซปัก ตะกร้อ อยู่ท่ามกลางกองทัพลิง นอกเหนือจากหลักฐานภาพจิตรกรรมดังกล่าว ยังมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงกีฬาชนิดนี้ คือ
  • พ.ศ. 2133-2149 | ค.ศ. 1590-1606 ในยุคของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ประเทศไทย เดิมชื่อ ประเทศสยาม มี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ และมีกรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวง คนไทยหรือคนสยาม มีการเริ่มเล่นตะกร้อที่ทำด้วย หวาย ซึ่งเป็นการเล่น ตะกร้อวง
  • พ.ศ. 2199-2231 | ค.ศ. 1656-1688 มีหลักฐานพอจะอ้างอิงได้ว่า ในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในยุคสมัย กรุงศรีอยุธยา เป็นเมืองหลวง มีคณะสอนศาสนาชาว ฝรั่งเศส มาพำนักในกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2205 มีการสร้างวัดนักบุญยอเซฟ นิกายโรมันคาทอริก ซึ่งมีบันทึกของ บาทหลวง เดรียง โลเนย์ ว่าชาวสยามชอบเล่นตะกร้อกันมาก
  • พ.ศ. 2315 | ค.ศ. 1771 เป็นช่วงหมดยุค กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นตอนต้นแห่งยุคสมัย กรุงธนบุรี เป็นเมืองหลวง ได้มีชาวฝรั่งเศสชื่อ นายฟรังซัว อังรี ตุระแปง ได้บันทึกในหนังสือชื่อ HISTOIRE DU ROYAUME DE SIAM พิมพ์ที่ กรุงปารีส ระบุว่า ชาวสยามชอบเล่นตะกร้อในยามว่างเพื่อออกกำลังกาย
  • พ.ศ. 2395 | ค.ศ. 1850 ในยุค กรุงรัตนโกสินทร์ หรือ กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวง ยังมีข้ออ้างอิงในหนังสือ ชื่อ NARATIVE OF A FESIDENCE IN SIAM ของชาวอังกฤษชื่อ นายเฟรเดอริค อาร์ เซอร์นีล ระบุว่ามีการเล่นตะกร้อในประเทศสยาม
    การเล่นตะกร้อ ของคนไทยหรือคนสยาม มีหลักฐานอ้างอิงค่อนข้างจะชัดเจนว่ามีการเล่นกันมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคสมัย กรุงศรีอยุธยา เป็น เมืองหลวง พยานหลักฐานสำคัญที่จะยืนยันหรืออ้างอิงได้ดีที่สุด น่าจะเป็นบทกวีในวรรณคดีต่าง ๆ ของแต่ละยุคสมัยที่ร้อยถ้อยความเกี่ยวพันถึงตะกร้อ ไว้ เช่น
– พ.ศ. 2276-2301 | ค.ศ. 1733-1758 ในยุคสมัย พระเจ้าบรมโกศ ครองกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นยุคที่วรรณคดีหรือวัฒนธรรมด้านอักษรศาสตร์เฟื่องฟู ก็มีกวีหลายบทเกี่ยวพันถึงตะกร้อ
– พ.ศ. 2352-2366 | ค.ศ. 1809-1823 เป็นยุคตอนต้นของ กรุงรัตนโกสินทร์ (กรุงเทพมหานคร) เป็นเมืองหลวง สมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในพระราชนิพนธ์ร้อยกรองของวรรณคดีเรื่อง อิเหนา และเรื่องสังข์ทอง มีบทความร้อยถ้อยความเกี่ยวพันถึง ตะกร้อ ด้วย
– พ.ศ. 2366-2394 | ค.ศ. 1823-1851 ในยุคสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเมืองหลวง สมัย สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ในบทกวีของ สุทรภู่กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เขียนบทกวี นิราศเมืองสุพรรณ ในปี พ.ศ. 2384 (ค.ศ. 1841) มีร้อยถ้อยความเกี่ยวพันถึง ตะกร้อ ไว้เช่นกัน

ทักษะพื้นฐานกการเล่นตะกร้อ

รูปภาพที่เกี่ยวข้องการเล่นลูกตะกร้อด้วยหลังเท้า
     หลังเท้าเป็นอวัยวะที่สามารถบังคับทิศทางตะกร้อได้ยาก แต่เป็นพื้นฐานที่สำคัญของผู้เล่นที่สำคัญในตำแหน่งหน้าทำ ลูกตะกร้อหน้าตาข่าย และผู้เล่นตำแหน่งหลังที่เสิร์ฟด้วยเท้า


วิธีปฏิบัติ

1. ยืนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
2. ยื่นเท้าที่จะใช้แตะลูกตะกร้อออกมาด้านใน โดยลูกตะกร้อสูงพอประมาณและอยู่ด้านหน้าให้ลูกตะกร้อกระทบหลังเท้าบริเวณโคน นิ้ว และให้งุ้มปลายเท้าด้วยขณะแตะลูกตะกร้อ




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การเดาะตะกร้อหน้าขา
  การเล่นลูกตะกร้อด้วยหน้าขา
     ส่วนมากใช้ในโอกาสตั้งลูกตะกร้อให้เพื่อนและเปิดลูกตะกร้อจาการเสิร์ฟ หน้าขาเป็นบริเวณที่มีพื้นที่ในการใช้กระทบลูกตะกร้อมากที่สุดของอวัยวะที่ ใช้เล่นลูกตะกร้อ

วิธีปฏิบัติ

1. ยืนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม
2. ก้าวเท้าที่ไม่ได้เล่นลูกตะกร้อไปข้างหน้า และยกเท้าที่จะเล่นลูกตะกร้อที่กำลังเข้ามาใกล้ตัวโดยใช้บริเวณหน้าขาเหนือ ประมาณ 1 ฝ่ามือ กระทบลูกตะกร้อ โดยใช้หน้าขากระทบลูกตะกร้อให้ลอยขึ้นมา ให้หัวเข่าทำมุมกับพื้นมากกว่า 45 องศา



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การเดาะตะกร้อหน้าขา                                          
การเล่นลูกตะกร้อด้วยศีรษะ
     ส่วนมากใช้ในโอกาสลูกตะกร้อลอยขึ้นมาเหนือศีรษะ


วิธีปฏิบัติ

1. ยืนในท่าเตรียมพร้อม
2. ก้าวเท้าที่ไม่ถนัดเข้าหาลูกตะกร้อ ย่อเข่าเล็กน้อย เมื่อลูกลอยมาต่ำในระยะที่จะใช้ศีรษะเล่นได้ให้สปริงข้อเท้า เหยียดลำตัวและขาสองข้างขึ้นพร้อมกับยืดศีรษะไปกระทบลูกตะกร้อให้ลูกตะกร้อ กระทบกับศีรษะบริเวณตีนผมที่หน้าผาก

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

กฏและกติกาการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อ

กฏและกติกาการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อ



                1.สนาม  
                      ยาว 13.40 เมตร กว้าง 6.10 เมตร เพดานสูง 8.00 เมตร มีเส้นแบ่งแดนออกเป็น 2 ส่วนเท่ากัน มีเส้นครึ่งวงกลมทั้ง 2 แดน รัศมี 30 ซม. เสาสูง 1.55 เมตร ( เยาวชนอายุไม่เกิน 12 ปี ) และทีมหญิงเสาสูง 1.45 เมตร ตาข่ายกว้าง 70 ซม. ตรงกลางของตาข่ายสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 1.52 เมตร ( เยาวชน 1.42 เมตร )
                                                 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พื้นหลังตะกร้อ



                       2. ลูกตะกร้อ
                        ทรงกลม มีเส้นรอบวง 42 - 44 ซม. มี 12 รูกับ 20 จุดไขว้ตัด ทำด้วยหวายหรือใบสังเคระห์ ถ้าเป็นหวายต้องมี 9 - 11 เส้น น้ำหนัก 170 - 180 กรัม



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พื้นหลังตะกร้อ

             3. เครื่องแต่งกาย
                  สวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ต้องเอาชายเสื้อไว้ในกางเกงตลอดเวลา ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนไหว และการเร่งความเร็วของลูกตะกร้อ หัวหน้าทีมต้องใส่ปลอกแขนที่แขนเสื้อด้านซ้าย ติดหมายเลขด้านหลัง 1 - 15




รูปภาพที่เกี่ยวข้อง





กติกาตะกร้อ



1.ผู้เล่น
ประเภทเดี่ยว มีผู้เล่นตัวจริง 3 คน สำรอง 1 คน ประเภททีม ประกอบด้วย 3 ทีม มีผู้เล่น 9 คน และผู้เล่นสำรอง 3 คน

2. ตำแหน่งของผู้เล่น มี 3 ตำแหน่งคือ
2.1 หลัง ( Back ) เป็นผู้เตะตะกร้อจากวงกลม
2.2 หน้าซ้าย
2.3 หน้าขวา

3. การเปลี่ยนตัวผู้เล่น
ในทีมเดี่ยวเปลี่ยนตัวได้ 1 คน และถ้าเหลือน้อยกว่า 3 คน ถือว่าแพ้ ผู้มีชื่อในทีมเดี่ยวที่เล่นมานานแล้ว จะลงเล่นในทีมเดี่ยวต่อไปไม่ได้

4. การเสี่ยงและการอบอุ่นร่างกาย
มีการเสี่ยง ผู้ชนะการเสี่ยงจะได้เลือกข้างหรือส่งลูก ทีมที่ได้ส่งลูกจะได้อบอุ่นร่างกายก่อน เป็นเวลา 2 นาที พร้อมเจ้าหน้าที่และนักกีฬาไม่เกิน 5 คน

5. ตำแหน่งของผู้เล่นระหว่างการส่งลูกเสิร์ฟ
เมื่อเริ่มเล่นทั้ง 2 ทีมพร้อมในแดนของตนเอง ผู้เล่นฝ่ายเสิร์ฟจะต้องอยู่ในวงกลมของตนเอง เมื่อเสิร์ฟแล้วจึงเคลื่อนที่ได้ ส่วนผู้เล่นฝ่ายรับจะยืนที่ใดก็ได้

6. การเปลี่ยนส่ง
ให้เปลี่ยนการส่งลูกเมื่อฝ่ายส่งลูกผิดกติกา หรือ ฝ่ายรับทำลูกให้ตกบนพื้นที่ของฝ่ายส่งได้

7. การขอเวลานอก
ขอได้เซตละ 1 ครั้งๆ ละ 1 นาที

8. การนับคะแนน
การแข่งขันใช้แบบ 2 ใน 3 เซต ในเซตที่ 1 และเซตที่ 2 จะมีคะแนนสูงสุด 15 คะแนน ทีมใดได้ 15 คะแนนก่อน จะเป็นผู้ชนะในเซตนั้นๆ ทั้ง 2 เซต จะไม่มีดิวส์ หากทั้งสองทีมได้ 13 ก่อน หรือ 14 เท่ากัน พักระหว่างเซต 2 นาที ถ้าเสมอกัน 1:1 เซต ให้ทำการแข่งขันเซตที่ 3 ด้วยไทเบรก โดยเริ่มด้วยการเสี่ยงใหม่ โดยใช้คะแนน 6 คะแนน ทีมใดได้ 6 คะแนนก่อนเป็นผู้ชนะ แต่จะต้องแพ้ชนะอย่างน้อย 2 คะแนน ถ้ายังไม่แพ้กันไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ก็ให้ทำการแข่งขันอีก 2 คะแนน แต่ไม่เกิน 8 คะแนน เช่น 8:6 หทรือ 8:7 ถือเป็นการยุติการแข่งขันระบบไทเบรก เมื่อฝ่ายใดก็ตามได้ 3 คะแนน และขอเวลานอกได้เซตละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 นาที สำหรับไทเบรก ขอเวลาได้ 1 ครั้ง ครั้งละ 30 วินาที